แนวทางการยกระดับผลการสอบระดับชาติของโรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์



แนวทางการยกระดับผลการสอบระดับชาติของโรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์

          โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เปิดสอนระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา บริหารจัดการโดยเน้นคุณภาพ ด้วยระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ภายใต้ปรัชญา “วิชาการดี มีคุณธรรม” และวิสัยทัศน์ “เป็นผู้นำทางวิชาการ บริการชุมชน สร้างคนให้เป็นคนดี เชิดชูวิถีอิสลาม”

 
          ปี ๒๕๕๕ เป็นปีที่โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ ต้องรับการประเมินคุณภาพภายนอก รอบที่ ๓ จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ซึ่งการประเมินรอบนี้ จะมีผลต่อการรับรองมาตรฐานของสถานศึกษา โดยเงื่อนไขสำคัญของการได้รับการรับรอง คือ สถานศึกษาต้องผ่านการประเมินทุกมาตรฐาน และไม่มีมาตรฐานใดอยู่ในระดับปรับปรุง นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก ส่วนที่ท้าทายที่สุด คือ มาตรฐานที่ ๕ ซึ่งเป็นการประเมินผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ๘ กลุ่มสาระ ที่ต้องมีค่าเฉลี่ยรวมไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในการที่จะให้นักเรียนทำคะแนนสอบให้สูงถึงระดับเกณฑ์ที่กำหนด  
งานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ จึงได้ศึกษาข้อมูลผลการทดสอบระดับชาติของโรงเรียน และวิเคราะห์หลักเกณฑ์ที่ สมศ. กำหนด พบว่า ในการประเมินมาตรฐานที่ ๕ จะมีคะแนนพิเศษให้สำหรับกลุ่มสาระที่ผลการสอบมีพัฒนาการ โดยจะได้รับคะแนนเพิ่มกลุ่มสาระละ ๐.๕ คะแนน ดังนั้น หากสามารถยกระดับผลการสอบให้มีพัฒนาการด้วยการให้นักเรียนทำคะแนนสอบในปี ๒๕๕๕ ให้สูงกว่าปี ๒๕๕๔ ทุกกลุ่มสาระก็จะได้คะแนนพิเศษสูงถึง ๔ คะแนน
งานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ จึงได้กำหนดเป้าหมายการทดสอบระดับชาติ ปี ๒๕๕๕ ต้องมีพัฒนาการทุกกลุ่มสาระ โดยได้ร่วมกันกำหนดแผนและแนวทางในการยกระดับผลการสอบระดับชาติ ออกเป็น ๒ ระยะ คือ แผนระยะสั้นและระยะยาว
แผนระยะยาว เป็นการดำเนินการตลอดปีการศึกษา โดยเน้นที่กระบวนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน ประกอบด้วย
 


๑.  การสอนโดยยึดตัวชี้วัดหลักสูตร ไม่ยึดแบบเรียนเป็นหลัก ซึ่งครูต้องวิเคราะห์ตัวชี้วัดว่าหลักสูตรต้องการให้เกิดผลอย่างไรต่อผู้เรียน การใช้ข้อสอบเป็นแบบฝึกหัดให้นักเรียนได้ฝึกคิด ฝึกปฏิบัติ และการออกข้อสอบสำหรับวัดประเมินผลตามตัวชี้วัด
๒. การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยออกแบบกิจกรรมให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ได้ และเน้นกระบวนการกลุ่ม ในขณะที่ครูต้องพัฒนาเทคนิคการสอน การพัฒนาสื่อและนวัตกรรม และการพัฒนารูปแบบและวิธีการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
๓. การบันทึกหลังสอนที่สามารถนำไปใช้ในการวิจัยได้อย่างแท้จริง โดยการค้นหาปัญหา วิเคราะห์หาสาเหตุปัญหาที่แท้จริง และการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา
๔. การนิเทศการสอนในรูปแบบกัลยาณมิตรนิเทศอย่างต่อเนื่อง โดยการให้ครูที่รับการนิเทศ เสนอชื่อเพื่อนครูที่ต้องการให้เข้าร่วมนิเทศร่วมกับบุคลากรที่ทางโรงเรียนมอบหมาย เสริมจุดเด่นและกำจัดจุดอ่อนให้แก่ครู และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

 แผนระยะสั้น เป็นการดำเนินการในช่วงหนึ่งเดือนก่อนการสอบ โดยเน้นที่กระบวนการการเตรียมความพร้อม ประกอบด้วย

๑.     การสร้างความตระหนัก ดำเนินการ ๒ ครั้ง ครั้งแรกโดยผู้อำนวยการโรงเรียน ในช่วงต้น และโดยผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอหรือจังหวัดในช่วงท้าย
๒.     การจัดสอบ Pre O-NET โดยครูประจำกลุ่มสาระออกข้อสอบตามตัวชี้วัด จัดสอบเสมือนจริง และจัดอันดับนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงสุด ๑๐ อันดับแรก เพื่อมอบรางวัล และคะแนนต่ำสุด ๑๐ อันดับท้าย เพื่อซ่อมเสริมพิเศษ
๓. การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสอบ โดยการชี้แจงระเบียบการสอบให้นักเรียนทราบ การเตรียมความพร้อมของนักเรียนเป็นรายบุคคล
         การดำเนินการตามแผนและแนวทางดังกล่าว ประสบความสำเร็จอย่างมาก เมื่อผลการทดสอบระดับชาติในปี ๒๕๕๕ มีพัฒนาการทุกกลุ่มสาระตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

          ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การทำงานอย่างเป็นระบบ การทำงานเป็นทีมและการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ความคิดเห็น